BreakingNews

สถานการณ์อิสราเอล - ปาเลสไตน์ในตอนนี้


          หลายคนมองว่าการที่อิสราเอลยึดครองพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนได้ในช่วงสงคราม 6 วันใน ค.ศ. 1967 รวมถึงกรุงเยรูซาเล็ม ก็ย่อมมีสิทธิ์ในดินแดนเหล่านั้น แต่สิ่งที่ตามมาคือจะจัดการอย่างไรกับประชากรชาว "อิสลาม-อาหรับ" ในพื้นที่? เพราะดินแดนดังกล่าวไม่ใช่ดินแดนเปล่าๆ


          เคยมีคนเสนอว่ายึดดินแดนไปเป็นเขตแดนอย่างเป็นทางการ และให้สัญชาติอิสราเอลกับคนไปเลยจะดีไหม เหมือนที่ทำกับชาวนาซาเร็ธและชาวเบดูอินในทะเลทรายเนเกฟ?

          แต่ด้วยความที่อิสราเอลเป็นรัฐที่ชูศาสนายิวเป็น "อุดมการณ์แห่งรัฐ" เลยทำให้ชาวปาเลสไตน์ที่เป็น "อิสลาม - อาหรับ" ไม่อยากจะเข้าร่วมเป็นพลเมืองของอิสราเอล และถ้าเอาเข้ามาผู้นำทางการเมืองชาวยิวบางส่วนคงกลัวว่าชาวอาหรับในอิสราเอลจะเข้ามาเป็นพลังสำคัญในรัฐสภาและเปลี่ยนสมดุลการเมืองอิสราเอล

          เมื่อไม่ได้เป็นพลเมืองชาวอิสราเอล ก็เลยทำให้ชาวปาเลสไตน์ถูกจำกัดสิทธิ์หลายๆอย่างเช่นในการเดินทาง การทำมาหากิน และยังต้องเจอกับกลุ่มผู้อพยพชาวยิวที่เข้ามาในดินแดนที่ตนเองเคยทำมาหากิน จะใช้น้ำก็กลายเป็นอยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลว่าจะให้หรือไม่ให้ใช้ เท่ากับการยึดครองของอิสราเอลทำให้เกิดความยากลำบากกับชีวิตของชาวปาเลสไตน์ นี่เลยเป็นที่มาของความขัดเคืองใจของชาวปาเลสไตน์ไม่แปลกที่กระแสเรียกร้องความเป็นประเทศสมบูรณ์และต่อต้านการยึดครองของอิสราเอลนั้นถึงได้มีอย่างต่อเนื่อง

          อย่าลืมว่าแม้ผู้ชนะสงครามจะมีสิทธิ์ยึดครองแผ่นดิน แต่หากปกครองแผ่นดินแล้วทำให้ประชาชนไม่พอใจ ประชาชนก็ย่อมมีสิทธิ์ต่อต้าน

          แต่เมื่อมองการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์เองก็จะพบว่ามีจุดอ่อนเช่นกัน

          เริ่มต้นจากภายในโลกอาหรับเอง ไม่มีอุดมการณ์ใดที่ประชาชนชาวอาหรับทั้งมวลสามารถรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันบนพื้นฐานของความเท่าเทียม เป็นธรรม และการพัฒนา ถ้าไม่ใช่เผด็จการทหารแบบอียิปต์ก็เป็นแนวคิดอิสลามการเมืองสุดโต่งที่ปิดกั้นการพัฒนา ซึ่งไม่ให้ความสำคัญกับประชาชนและความก้าวหน้า ในปาเลสไตน์ก็สะท้อนออกมาเป็นความแตกแยกระหว่างฟาตะห์กับหะมาส ที่บางครั้งถึงขั้นรบกันเอง

          เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนในโลกอาหรับจึงไม่สามารถรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ และประเทศอาหรับเองก็เลยไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจังกับปาเลสไตน์ได้ถึงทุกวันนี้ ด้วยกลัวว่าหากช่วยเหลือให้ฝ่ายใดก็อาจทำให้แนวคิดการเมืองของอีกฝ่ายเติบโตขึ้นมากลายเป็นภัยคุกคามผู้ปกครองประเทศต่างๆในโลกอาหรับเอง

          ผิดกับอิสราเอลที่อาศัยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจากความรู้สึกว่าประเทศอิสราเอลให้สิ่งที่ดีกับพลเมืองชาวยิวของตนถึงได้มีพลังและยืนอยู่ได้(แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการทำสิ่งเลวร้ายกับคนอื่นก็ตาม) และเมื่อผนวกกับความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาและความช่วยเหลือต่อเนื่องจากสหรัฐอเมริกาก็เลยเท่ากับเป็นเสือติดปีก

          หากชาวปาเลสไตน์และโลกอาหรับต้องการจะชนะอิสราเอล ต้องศึกษาตัวอย่างของอิสราเอลและปรับปรุงแก้ไขตนเองอย่างกว้างขวาง ถึงจะทวงความเป็นธรรมให้กับตนเองกลับคืนมาได้
แม้รู้ว่าจะเป็นเรื่องยากมากเพราะผูกพันกับการตั้งรัฐ แต่ถ้าอิสราเอลเปลี่ยนตัวเองจากรัฐชาวยิวเป็นรัฐโลกวิสัย(ไม่อิงศาสนาใด) และให้สิทธิ์ชาว "อิสลาม-อาหรับ" เป็นชาวอิสราเอล 100% เหมือนชาวยิวที่อพยพเข้ามา จำกัดเฉพาะแค่กลุ่มแนวคิดสุดโต่ง อะไรจะเกิดขึ้น?



Credit
สลักธรรม โตจิราการ

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.